เคล็ดลับกินพิชิตโรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อนมีหลายสาเหตุ ทั้งจากความเครียด, จากพฤติกรรมการรับประทาน เช่น ทานอาหารรสจัด อาหารมัน อาหารทอด ทานอาหารเสร็จแล้วนอนเลย ฯลฯ 

คำแนะนำทั่วไปในการรับประทานอาหาร (ผู้มีสุขภาพดีก็ควรปฏิบัติ) 

1. ใน 2 - 3 คำแรกของอาหารแต่ละมื้อ ควรรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา ฯลฯ ก่อนอาหารประเภทอื่น เพราะการทานโปรตีนในคำแรกจะเป็นการกระตุ้นการสร้างน้ำย่อย เป็นการบอกร่างกายว่า ถึงเวลาที่จะต้องย่อยอาหารแล้ว และที่สำคัญอย่าลืมเคี้ยวให้ละเอียด และโปรดจำไว้ว่า ใน 2 - 3 คำแรก อย่าทานของเผ็ด ของเปรี้ยว ของมัน ผักสด ผลไม้สด ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม น้ำตาล ผักต้ม และข้าว (เรียงลำดับโทษจากมากไปน้อย) 

2. เมื่อทานอาหารอื่นไปครึ่งมื้อแล้ว ค่อยเริ่มทานผักต้ม

 

ผักต้มที่แนะนำให้รับประทาน มีดังนี้

1.ผักที่มีฤทธิ์เย็น 
          บวบหอมต้ม แนะนำให้ทุกคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนทาน โดยเฉพาะผู้ที่มีสาเหตุจากกรดเกินในกระเพาะอาหารรับประทานทานและควรรับประทานให้มากในมื้อเย็น บวบหอมต้มจะช่วยลดอาการแสบท้อง ร้อนท้อง แสบหน้าอก ปวดท้องเหมือนลำไส้ถูกบิดได้

 2.ผักสีเขียวที่มีกากใยสูง 
          ผักหวานบ้าน, คะน้า, ผักกวางตุ้ง, ผักกาดแก้ว (ผักสลัด), ตำลึง, ผักบุ้ง, บล็อคโครี่ ฯลฯ ผักเหล่านี้ควรทานให้มากในมื้อเช้าและมื้อกลางวัน โดยขณะรับประทาน เน้นบริโภคคำเล็กๆ และเคี้ยวผักเหล่านี้ให้ละเอียดมาก 2 - 3 นาทีต่อ 1 คำ ก่อนกลืนผักให้ใช้ลิ้นช่วยจัดผักให้เป็นชิ้นเล็กๆ แผ่นแบนๆ (ไม่ไห้เป็นก้อน) เพื่อเป็นการกระจายกากใย เพราะกากใยในผัก ช่วยซับกรด ดูดซับน้ำตาลส่วนเกิน ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว เปรียบเหมือนเรามีหมอนวด นวดอาหารให้เคลื่อนไหวในลำไส้ บรรเทาอาการท้องผูก ให้มีการขับถ่าย และไล่ลมออกทางทวารหนัก (ผายลม) บ่อยครั้งที่ทานผักพวกนี้ลงไปแล้วจะเรอไล่ลมขึ้นมาทันทีเลย (คนละอย่างกับดื่มน้ำ แล้วน้ำไปแทนที่ลม จนเราเรอออกมา) 

3.ผักสีขาวที่ย่อยง่าย 
          ผักสีขาวเป็นผักที่ย่อยง่าย เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ดอกกะหล่ำปลี โตวเหมี่ยว ควรทานให้มากในมื้อเย็น ซึ่งประโยชน์พิเศษของกะหล่ำปลี นักวิจัยหลายท่านเห็นด้วยกับการใช้กะหล่ำปลี ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร เพราะกะหล่ำปลีประกอบด้วยซัลเฟอร์ ซึ่งช่วยในขบวนการหายของแผล สมานแผล รักษาการอักเสบ ช่วยซ่อมแซมผิวหนังและช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย (ที่มา : คัดลอกจากหนังสือ “น้ำทิพย์จากธรรมชาติ ทางลัดเพื่อสุขภาพจากผักและผลไม้” โดยทันตแพทย์จักรชัย และทันตแพทย์หญิงภัทรา หน้า 43 พิมพ์ครั้งที่ 4) 

          4.ผักที่เคี้ยวแล้วเป็นเมือก 
          ผักเหล่านี้ เมื่อเคี้ยวจะมีน้ำเป็นเมือก เหนียวๆ ข้นๆออกมา คล้ายกับน้ำราดหน้า กระเพาะปลา เช่น ผักปลัง ผักดอกกระเจี๊ยบ (หาซื้อได้ในร้านขายน้ำพริก) ผักเหล่านี้เหมาะสำหรับคนที่มีสาเหตุจากความเครียด มีกรดเกินในกระเพาะอาหารนั้นเอง โดยรับประทานผักเหล่านี้เป็นคำสุดท้ายของมื้ออาหาร เพื่อให้เมือกเหล่านี้ ไปเคลือบกระเพาะและลำไส้ ป้องกันอาการแสบท้อง ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร 

    5.เม็ดแมงลัก 
          มีกากใยสูง เหมาะสำหรับดูดซับน้ำตาลส่วนเกิน คำแนะนำจากประสบการณ์ส่วนตัว ผมจะทานเม็ดแมงลักตอนที่หิวข้าว เริ่มแสบท้องในมื้อเช้าครับ บางครั้งรถติดแต่ถึงเวลาที่ต้องทานอาหารมื้อเช้าแล้ว ให้ทานเม็ดแมงลักบรรเทาไปก่อน และหากในช่วงดึกมีอาการหิวและแสบท้องขึ้นมา ก็จะทานเม็ดแมงลักเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร

ขอบคุณข้อมูลจาก 

MGR Online

Visitors: 38,678